สำหรับวิชาพยากรณ์ และการทำนายดวงชะตานั้น จากที่เราได้สืบค้นมา พบว่ามีเป็นจำนวนมาก โดยนับตั้งแต่อดีตกาลจนถึงปัจจุบัน อาจมีความต่างกันไปตามภาษา และวัฒนธรรม อีกทั้งในบางวิชาอาจสาบสูญไป เหลือเพียงบันทึกในปัจจุบัน แต่ในบางวิชาอาจใช้กันอย่างแพร่หลาย จนเป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลก ขณะเดียวกัน บางวิชากลับมีใช้กันในเฉพาะกลุ่มเท่านั้น อาจเป็นวิชาลับเฉพาะกลุ่ม หรืออาจเสื่อมลง จะอย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากลักษณะวิชาการพยากรณ์แล้ว มีจุดเดียวที่ร่วมกัน ดังนั้นในวันนี้ เราจึงได้รวบรวม วิธีการ ที่ใช้ในการพยากรณ์ ออกเป็นดังนี้
Alectryomancy คือ แขนงวิชาการทำนายดวงแบบโบราณ ซึ่งผู้ทำนายจะพิจารณาการจิกเมล็ดธัญพืชของไก่ และนก โดยนิยมใช้ไก่เพศผู้ และสีชาว ในการทำนาย
Astrology คือ วิชาการทำนายดวงชะตา ที่อาศัยอิทธิพลจากดวงดาวเข้าช่วย
Augury คือ วิชาการทำนายดวงชะตา โดยใช้ความเชื่อแบบลางสังหรณ์ ซึ่งดั้งเดิมของวิชานี้ เป็นของชาวโรมัน ที่ทำนายจากลักษณะการบินของนกนั่นเอง
Bibliomancy คือ วิชาการทำนายด้วยการเปิดหนังสือ ซึ่งวิชานี้ เกิดจากกลุ่มชาวคริสเตียน ที่เชื่อว่า พระคัมภีร์ไบเบิล มีพลังศักดิ์สิทธิ์ และมีความจริงที่เที่ยงแท้ จึงใช้การเปิดหนังสือแล้วปล่อย เมื่อหยุดที่หน้าใดแล้วนั้น ให้หลับตา หากประโยคใดที่ปรากฎขึ้นในความคิด ให้ถือว่า ประโยคนั้น คือพลังการทำนายอันศักดิ์สิทธิ์
Cartomancy คือ วิชาการทำนาย โดยใช้ไพ่รูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นไพ่ยิปซี หรือไพ่ทาโรต์ในการทำนาย
Ceromancy คือ วิชาการทำนาย ที่ใช้การละลายของเทียนไข หรือขี้ผึ้ง
Chronomancy คือ วิชาที่นำทาย ที่ใช้การดูฤกษ์ยาม โดยหลักวิชานี้ จะใช้ความเชื่อมากกว่าหลักวิชา เช่น วันพุธห้ามตัดผม เป็นต้
Geomancy คือ วิชาการทำนาย ที่ว่าด้วยการดูลักษณะหิน ดิน ทราย ในการพยากรณ์ โดยมีเรื่องรูปลักษณ์ภายนอก 16 แบบ และอิทธิพลของดวงดาวเข้ามาเกี่ยวข้อง
Feng shui คือ วิชาการทำนาย โดยใช้ฮวงจุ้ยเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งออกเสียงได้ว่า เฟิงสุ่ย แปลได้ว่า เป็นวิชาที่ว่าด้วยพลังของลม และน้ำ ซึ่งในความเป็นจริงนั้น เรื่องฮวงจุ้ย เป็นวิชาที่ให้ความสำคัญกับพลังงานธรรมชาติ ที่เรียกว่า พลังชี่ และในขณะที่เสริมพลังชี่ที่ดีให้กับเจ้าของดวง ยังช่วยขจัดปิดกั้นถ่ายเทพลังงานด้านลบได้อีกด้วย
Lithomancy คือวิชาการทำนายโดยใช้หินเข้ามาเกี่ยวข้อง พิจารณาจากหิน และการสะท้อนแสงในลักษณะต่าง ๆ และวิชานี้ จะมีการใช้หินแทนดาว และธาตุต่าง ๆ ที่นิยมใช้กัน จะเป็นหินจำนวน 13 – 16 ก้อน ขึ้นอยู่กับผู้ทำนาย
Nephelomancy คือ วิชาการทำนาย ที่ใช้การพิจารณาจากก้อนเมฆ ทั้งในเรื่องขนาด สี การเคลื่อนไหว และรูปลักษณ์ โดยวิธีจับลางบอกเหตุที่เทพเจ้าสื่อสารผ่านท้องฟ้า
Numerology คือ วิชาการทำนาย โดยอาศัยตัวเลขเข้าช่วย คือการอธิบายความสัมพันธ์ของตัวเลข กับปรากฎการณ์ต่าง ๆ โดยมีความเชื่อที่ว่า ตัวเลขสามารถสื่อถึงเหตุการณ์ต่าง ๆในชีวิตมนุษย์ได้ อีกทั้งส่วนหนึ่งในวิชานี้ ยังมีความเกี่ยวข้องกับวิชาโหราศาสตร์อีกด้วย
Oneiromancy คือ วิชาการทำนายเหตุการณ์จากความฝัน ซึ่งเชื่อกันว่า ความฝันคือลางบอกเหตุในอนาคต ซึ่งอาจเป็นความฝันแบบโดยตรง หรือเป็นความฝันที่ต้องตีความในเชิงสัญลักษณ์
Onomancy คืด วิชาการทำนายดวงจากชื่อ โดยมีความเชื่อว่า ชื่อของมนุษย์เรานั้น มีพลังศักดิ์สิทธิ์ ที่ได้รับจากเทพยดา ดังนั้น ชื่อจึงมีความสัมพันธ์กับชะตาชีวิตของมนุษย์ ความเชื่อนี้ มีมาแต่สมัยกรีกโบราณ และได้รับความนิยมมาจนกระทั่งช่วงปลายของยุโรปยุคกลาง
Palmistry คือ วิชาพยากรณ์ ดวงชะตาชีวิตมนุษย์จากลายมือ ซึ่งเป็นคำพยากรณ์ที่แม่นยำมากที่สุด
Parrot Astrology เป็นแขนงวิชาพยากรณ์ ที่ถูกพบในอินเดียเรียกกว่า Kili Josiyam คือการให้นกแก้วคาบแผ่นพับ ที่ใช้ในการพยากรณ์ โดยมีลักษณะเป็นภาพที่พับไว้ ระหว่างนั้น ผู้พยากรณ์จะร้องบทสวด พร้อมกับการตีกลองที่ใช้ในพิธีกรรมศักดิ์สิทธินี้ หรือที่เรียกว่า ดามารุ แต่ปัจจุบัน ได้มีการนำสัตว์ชนิดอื่น เช่น ใช้หนูมาจับภาพแทนนกแก้ว เป็นต้น
Paper Fortune Teller คือการทำนายดวงชะตา ด้วยกระดาษพับ ที่พบในลักษณะการเล่นของเด็ก ๆ โดยผลการทำนายแบบนี้ มีความแม่นยำน้อยมาก คือการพับกระดาษมีมุมแหลมสี่ช่อง จากนั้นมีการใส่ตัวเลข หรือตัวอักษรไว้ในกระดาษ แล้วทำการเสี่ยงโชค โดยการขยับนิ้ว
Pendulum Reading คือการทำนายโดยการใช้เชือก หรือโซ่ ผูกติดกับลูกตุ้ม ให้ลูกตุ้มแกว่งโดยอิสระ โดยการทำนายนั้น ใช้พิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ และ Pendulum ที่ทำจากแร่ต่าง ๆ ที่เชื่อกันว่า มีพลังที่แตกต่างกันออกไป โดยการตอบคำถามว่า “ใช่” หรือ “ไม่” เป็นที่นิยมใช้การตรวจสอบเรื่องอาการป่วย และตรวจจักระของมนุษย์
Physiognomy การพยากรณ์ด้วยลักษณะทางกายภาย โดยในประเทศไทยเราเรียกวิชากลุ่มนี้ว่า นรลักษณ์ศาสตร์ เช่น วิชาโหงวเฮ้ง ลายมือ ดูไฝ และตำหนิ เป็นต้น
Pyromancy การทำนายโดยพิจารณาจาไฟ ทั้งเปลวไฟ ควัน และสี รวมถึงวัสดุที่ถูกเผา โดยวิชานี้ เป็นวิชาโบราณที่มีมานาน ในอารยธรรมก่อนคริสตกาล ซึ่งวัสดุที่นำมาใช้ในการเผา จะแตกต่างกันออกตามท้องถิ่น